วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

วัย และพัฒนาการของมนุษย์


พัฒนาการของมนุษย์

การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์เป็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นตามวัยต่างๆ  ของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง คือตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิอยู่ในครรภ์มารดา จนถึงระยะคลอด    เรียกว่าระยะก่อนเกิด ( Prenatal  stage )  เมื่อคลอดออกมาแล้วแบ่งวัย  ออกได้เป็น 5  วัย   ดังนี้ ( มีหลายตำรา ที่แตกต่างกันในเรื่องการแบ่งวัย )
1.  วัยทารก   เริ่มตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ  2  ปี
2.  วัยเด็ก   เริ่มตั้งแต่อายุ  2 – 12  ปี
3.  วัยรุ่น    อายุ 12 - 20 ปี
หญิง เข้าสู่วัยรุ่นอายุ  12  ปี   
ชาย  เข้าสู่วัยรุ่นอายุ 14  ปี
4. วัยผู้ใหญ่    อายุ 21  ปี ขึ้นไป    
5. วัยสูงอายุ (วัยชรา)   ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป

ปัญหาสุขภาพวัยทารก

ทารก

                  วัยทารกเป็นวัยที่เจริญเติบโตจนเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ทารกจะสามารถปรับตัวเข้ากับบุคคลและสภาพแวดล้อมรอบๆ ได้อย่างรวดเร็วแต่ทารกยังช่วยเหลือตนเองไม่ได้ จึงต้องการการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก ความนุ่มนวล อ่อนโยนจากผู้เลี้ยงดูทารกที่ได้รับความรักความอบอุ่นเพียงพอ จะเรียนรู้สิ่งแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว มีทัศนคติที่ดีต่อบุคคลทั่วๆไป ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของการมีบุคลิกภาพที่ดีในช่วงวัยต่อ ๆ ไป

ปัญหาสุขภาพ

            ในปี พ.ศ.2540 เด็กวัยนี้ จำนวน 5,375 ล้านคน มีเด็กเกิดน้อยลง และรอดตายมากขึ้น และยังพบว่า มีเด็กจำนวนหนึ่งมีน้ำหนักแรกเกิดน้อย อัตราการตายในเด็ก 0.4 ปี ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 5.0 สาเหตุการตาย 5 อันดับแรก คือ ปัญหาเกี่ยวเนื่องจากการคลอด รูปวิปริตแรกเกิด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อแบคทีเรีย และโรคระบบทางเดินอาหาร

สถานการณ์ด้านการส่งเสริมสุขภาพของประชากรในกลุ่มเด็ก 0-4 ปี ได้ชี้ให้เห็นถึงสภาพปัญหา การกระจายตัวของปัญหา สาเหตุ และความรุนแรงในประเด็นสำคัญต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. การตายปริกำเนิด (Perinatal mortality)
การตายปริกำเนิด คือ การที่ทารกตาย นับตั้งแต่อยู่ในครรภ์ครบ 22 สัปดาห์เต็ม ถึงน้อยกว่า 7 วันหลังคลอดการตายปริกำเนิด เป็นตัวชี้วัดให้บริการอนามัยแม่และเด็ก สุขภาพแม่และเด็ก รวมไปถึงสภาวะเศรษฐกิจ สังคม ในระดับต่างๆ จนถึงระดับชาติ
องค์การอนามัยโลกได้ให้คำจำกัดความ ของอัตราตายปริกำเนิด (Perinatal mortality rate) ไว้ดังนี้
อัตราตายปริกำเนิด คือ จำนวนการตายของทารก ที่มีน้ำหนักอย่างน้อย ระหว่าง 500-1,000 กรัม หรืออายุครรภ์อย่างน้อย 22 สัปดาห์ หรือวัดความยาวจากศีรษะถึงส้นเท้า 25 ซม. หรือมากกว่า (Fetal deaths) รวมกับ จำนวนทารกแรกเกิด ถึงน้อยกว่า 7 วันตาย (Early neonatal deaths) ต่อ 1,000 การเกิด
อัตราตายปริกำเนิด จากรายงานของโครงการเพิ่มพูนสมรรถนะฯ มีแนวโน้มลดลง จาก 14.02 ต่อ 1,000 การเกิดทั้งหมด ในปี พ.ศ.2533 เป็น 9.8 ต่อ 1,000 การเกิดทั้งหมด ในปี พ.ศ.2540


อัตราตายปริกำเนิดในปี พ.ศ.2533 พบมากที่สุดในภาคเหนือ 30.8 ต่อ 1,000 การเกิดทั้งหมด รองลงมาคือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็น 16.0 และ 12.2 ต่อ 1,000 การเกิดทั้งหมด ตามลำดับ ภาคกลางมีอัตราตายปริกำเนิดน้อยที่สุด ร้อยละ 10.5 ต่อ 1,000 การเกิดทั้งหมด ในปี พ.ศ.2540 อัตราตายในภาคต่างๆ ยังคงพบมากที่สุดในภาคเหนือ พบ 12.3 ต่อ 1,000 การเกิดทั้งหมด รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 9.5 สำหรับภาคกลางพบน้อยที่สุด ลดลงเหลือร้อยละ 8.9 (กราฟ 2.2)





2.ภาวะขาดโภชนาการ
กราฟมาตรฐานน้ำหนัก เทียบกับอายุเด็กไทย (อายุ 0-5 ปี)


กองโภชนาการ กรมอนามัย ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้เริ่มจัดทำมาตรฐานน้ำหนัก ส่วนสูงของเด็กไทย อายุต่ำกว่า 5 ปี โดยจะสร้างเป็นเส้นกราฟ เพื่อนำมาใช้เป็นมาตรฐานของเด็กไทย ในการประเมินภาวะโภชนาการ ต่อมาได้มีการปรับมาตรฐานอีกเล็กน้อย หลังจากได้มีการสำรวจ เพื่อจัดทำมาตรฐานการเจริญเติบโตของเด็กไทยอีกครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ.2528-2529 ซึ่งได้ใช้เป็นมาตรฐานน้ำหนัก และส่วนสูงของเด็กไทยมาจนถึงปัจจุบันนี้ (แผนภาพที่ 2.1) ซึ่งในขณะนี้กำลังมีการปรับเปลี่ยน กราฟมาตรฐานนี้ใหม่ คาดว่าจะนำมาใช้ในปี พ.ศ.2543
 
2.1 โรคขาดสารอาหารโปรตีน และกำลังงาน (Protein Energy Malnutrition)
ระบบการเฝ้าระวังและติดตามภาวะโภชนาการ ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2525 ได้ทำการชั่งน้ำหนักเด็กกลุ่มเป้าหมาย จากทุกหมู่บ้านทั่วประเทศทุกๆ 3 เดือน ผลการชั่งน้ำหนักตั้งแต่ปี พ.ศ.2525 จนถึงปี พ.ศ.2540 ชี้ให้เห็นว่า แนวโน้มของโภชนาการนั้นดีขึ้นตามลำดับ เมื่อพิจารณาการกระจายของปัญหาพบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเด็กขาดสารอาหารมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคเหนือ โดยคงสภาพเช่นนั้นมา ตั้งแต่เริ่มโครงการเฝ้าระวัง ดังจะเห็นได้จากข้อมูลภาวะโภชนาการ แยกตามรายภาค ในปี พ.ศ.2525-2540 (กราฟ 2.6)

ปัญหาสุขภาพวัยเรียน

ปัญหาสุขภาพในวัยเด็ก

เด็กวัยเรียนคือเด็กที่มีอายุระหว่าง 6-19 ปี ซึ่งกำลังศึกษาทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โรงเรียนเป็นที่รวมของเด็กนักเรียน ซึ่งมาจากที่ต่างๆกัน มีฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม สภาพแวดล้อมและพฤติกรรมอนามัยที่แตกต่างกันไป โรคที่พบในเด็กนักเรียนและอุบัติเหตุต่างๆ อาจเกิดขึ้นได้เสมอ หากนักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนทราบแนวทางปฏิบัติต่างๆ ในการส่งเสริมสุขภาพอนามัยและการป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ก็สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันให้ปลอดภัยได้
ประเภทของปัญหาสุขภาพแบ่งออกได้เป็นดังนี้
1. ภาวะการเจริญเติบโตบกพร่อง
นักเรียนประถมศึกษามีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์สูง ส่วนนักเรียนมัธยมศึกษาที่มีส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ สำหรับนักเรียนประถมศึกษาในเขตเมืองมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ ( อ้วน )
2. ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
3. ภาวะการขาดสารไอโอดีนแสดงออกด้วยอาการคอพอก
นักเรียนประถมศึกษาที่มีภาวะการขาดสารไอโอดีนแสดงออกด้วยอาการคอพอก
4. ปัญหายาเสพติด
           ปัจจุบันเด็กและเยาวชนเริ่มใช้ยาเสพติดเมื่ออายุน้อยลงวัยรุ่นคือกลุ่มเสี่ยงที่สุด พบสาเหตุ ส่วนใหญ่อยากลองและเพื่อนชวน แนวโน้มฝิ่น กัญชา ลดลง ยาบ้าเสพเพิ่ม ขึ้น ผลตรวจปัสสาวะ นักเรียนระบุชัด ภาคกลางเสพมากที่สุด ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหายาเสพติดมาช้านานโดยที่ สภาพปัญหาได้เปลี่ยนแปลงไปตามภาวะการณ์ของโลกในยุคปัจจุบันได้แก่ เทคโนโลยีใหม่ ๆ การ ติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยและรวดเร็วมากขึ้น ทำให้ผู้เสพสามารถใช้สารเสพติดได้ง่ายและสะดวกกว่าในอดีต รวมทั้งสภาพปัญหาได้เปลี่ยนแปลงไปตามวิถีชีวิต สังคม เศรษฐกิจ
5. ภาวะทันตสุขภาพ 
            5.1 โรคฟันผุ  พบอัตราโรคฟันผุในนักเรียนเพิ่มมากขึ้นตามอายุ ซึ่งผลการสำรวจพบว่าอัตราฟันผุในฟันน้ำนมของ นักเรียนกลุ่มอายุ 3 ปี จะน้อยกว่ากลุ่มอายุ 6 ปี และในทำนองเดียวกัน นักเรียนกลุ่มอายุ 12 ปี จะมีอัตรา ฟันผุของฟันแท้น้อยกว่านักเรียนกลุ่มอายุ 17 - 19 ปี
            5.2 โรคเหงือก        
6. ความผิดปกติที่พบเสมอในเด็กนักเรียน 
            6.1 ความผิดปกติของอวัยวะการเรียนรู้ 
มีนักเรียนสายตาผิดปกติร้อยละ 4.3 โดยเฉพาะ กรุงเทพมหานคร เป็นนักเรียนมัธยมศึกษาที่มีสายตาผิดปกติมากที่สุด ( ส่วนอนามัยเด็กวัยเรียนและเยาวชน , 2544)          
 6.2 โรคที่เป็นผลจากสุขวิทยาส่วนบุคคลไม่ดี โรคเหา เกลื้อน กลาก
7. ภาวะการเจ็บป่วย
          7.1 โรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน  เป็นโรคไอกรน โรคคางทูม โรคหัด และคอตีบ
          7.2 โรคติดเชื้อ โรคติดต่อที่พบมากที่สุดในเด็กวัยเรียน (5 - 14 ปี ) ในปี พ . ศ . 2540 คือ ไข้เลือดออก รองลงมาคือ ไข้สมองอักเสบ และโรคมาลาเรีย โรคอุจจาระร่วง
8. ภาวะพฤติกรรมเสี่ยงในวัยรุ่น 
          8.1 อุบัติเหตุ 
ในปีหนึ่ง ๆ มีวัยรุ่นตายด้วยอุบัติเหตุต่าง ๆ ประมาณ 3,000 ราย ในจำนวนนี้ จะเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 7 เท่า นอกจากนี้ยังพบว่าวัยรุ่นมากกว่าร้อยละ 50 ที่ไม่สวมหมวกนิรภัยขณะใช้รถจักรยานยนต์ และมีวัยรุ่นน้อยกว่าร้อยละ 10 ที่คาดเข็มขัดนิรภัยขณะใช้รถยนต์ รถยนต์ ส่วนอัตราตายของเด็กและเยาวชนด้วยอุบัติเหตุจากการขนส่งทางบก มีจำนวนสูงขึ้น
9. เรื่องเพศและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ /HIV/ เอดส์ 
            - ผู้ป่วยเอดส์ กามโรค การทำมีพฤติกรรมเสี่ยงในเรื่องเพศ และสารเสพติด มีเพศสัมพันธ์
     
10. ปัญหาสุขภาพจิต
เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว เกเร มีการทะเลาะเบาะแว้งและใช้ความรุนแรงในครอบครัว เคยถูกทำร้ายจากคนในครอบครัวถูกล่วงเกินทางเพศจากบุคคลในครอบครัว

สาเหตุของปัญหาสุขภาพในวัยเรียน
ปัญหาสุขภาพและความปลอดภัยของเด็กเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจจำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทคือ สาเหตุอันเกิดจากปัจจัยภายใน
1. สาเหตุจากปัจจัยภายนอก
·       เด็กมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังไม่พัฒนาโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้อาจเกิดจากความผิดปกติทางร่างกายของเด็กเอง
·       โรคภูมิแพ้หรืออาการแพ้ประเภทต่างๆ เช่น แพ้อาหาร แพ้ยา แพ้สัตว์ปีก ซึ่งอาจทำให้เด็กต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนในบางกรณี
2. สาเหตุจากปัจจัยภายนอก                              
สำหรับปัจจัยภายนอก สิ่งแวดล้อมมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพและความปลอดภัยของเด็ก ซึ่งปัญหาที่เกิดกับเด็กส่วนใหญ่ มักเกิดจากเหตุดังต่อไปนี้
·       การติดเชื้อ การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากสิ่งมีชีวิตจำพวกแบคทีเรียหรือไวรัส ซึ่งสามารถแพร่จากคนสู่คนได้อย่างง่ายดายผ่านการสัมผัส (Cross-infection)
·       การเลี้ยงดูจากผู้ปกครอง ตั้งแต่หลังคลอด ซึ่งครอบคลุมทั้งเรื่องของอาหารการกิน ไปจนถึงการดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตประจำวันของลูก
·       เด็กขาดประสบการณ์หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
·       อุบัติเหตุประเภทต่างๆ ซึ่งอาจเกิดจากการหกล้มเพียงเล็กน้อย หรืออาจรุนแรงถึงอุบัติเหตุที่อาจนำไปสู่การสูญเสียอวัยวะหรือชีวิต
·       การได้รับสารพิษ
·       การรักษาความสะอาดที่ไม่ดีพอ

จะเห็นว่าจากกระแสโลกาภิวัฒน์ เนื่องมาจากการเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการสื่อสาร เป็นปัจจัยสำคัญส่งผลต่อสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้วิถีชีวิตของเด็กวัยเรียนและเยาวชนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย ที่สำคัญมีผลต่อพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนทำให้เกิดการเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จากกระแสค่านิยมและวัฒนธรรมตะวันตก นำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ทั้งต่อตัวเด็ก ครอบครัว สังคมแวดล้อมภายในและภายนอกโรงเรียน สภาพปัญหาของเด็กและเยาวชนในปัจจุบัน เช่น ปัญหายาเสพติด ตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ เพื่อน เอดส์ เพศสัมพันธ์ สุขภาพ จริยธรรม อุบัติเหตุ สื่อยั่วยุ สิ่งแวดล้อม ดังนั้นงานอนามัยโรงเรียน จึงเป็นกิจกรรมที่มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพ สร้างให้เด็กเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทัศนคติที่ถูกต้องในเรื่องสุขภาพ เป็นการลดปัญหาสุขภาพ ส่งผลบวกต่อการเรียน ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือและการประสานงานจากทุกฝ่ายทั้งครอบครัว ชุมชน และโรงเรียน

ปัญหาสุขภาพวัยรุ่น

ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพกายที่พบบ่อยๆ และก่อให้เกิดความวิตกกังวลแก่เด็กวัยรุ่น ได้แก่
         การเป็นสิว
          การมีกลิ่นตัว และโรคผิวหนัง
          ความอ้วน ความผอม
     ความผิดปกติต่างๆ ทางนรีเวชในวัยรุ่นหญิง เช่น ตกขาว 
     การปวดประจำเดือน การมีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ
          โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
          การมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ติดยา อุบัติเหตุและฆ่าตัวตาย
โรคทางร่างกายที่พบบ่อยในวัยรุ่น
โรคอ้วน

ภาวะน้ำหนักเกินในปัจจุบันพบได้มากขึ้นจนจัดได้ว่ามีการระบาดไปทั่วโลก ส่วนใหญ่ไม่พบสาเหตุทางกาย แต่มักเกิดจากพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น รับประทานอาหารมากเกิน ออกกำลังหรือมีกิจวัตรที่ใช้พลังงานน้อย  จากการสำรวจเด็กวัยเรียนจากการสุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่าประมาณ 1 ใน 10 มีภาวะโภชนาการเกินหรือโรคอ้วน โดยมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม การเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม ดู TV เล่น Internet และ game online โดยไม่มีการควบคุม
           โรคที่ตามมาจากภาวะโรคอ้วนมีหลายโรค เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งในวัยรุ่นไทยสูงเกินกว่า 3 เท่า ในช่วง 5 ปีหลัง เป็นร้อยละ 17.9 ของวัยรุ่นทั้งหมด เกิดภาวะผิวหนังรอยทับตามข้อพับ ความผิดปกติของการหายใจโดยมีการหยุดหายใจเป็นช่วงระหว่างการนอนหลับ(sleep apnea) และทางด้านจิตใจพบว่าคนอ้วนอาจมีภาวะซึมเศร้า และภูมิใจในตนเองน้อยลง
การรักษา  
            การรักษาโรคอ้วนหลักๆอยู่ที่ความตั้งใจของผู้ป่วยและความร่วมมือของครอบครัวโดยการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย ปรับพฤติกรรมการใช้พลังงานในระหว่างวัน
             สำหรับบทบาทของส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวัยรุ่นมีหลายส่วน เช่น 
โรงเรียนและสถานศึกษา ช่วยได้มากในเรื่องการจัดไม่ให้มีการจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่หวานเกินไป การส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่องและการสร้างเจตคติที่เหมาะสมเพื่อควบคุมพฤติกรรมการบริโภคของหวาน 
พ่อแม่  สามารถจำกัดเวลากิจกรรมที่ใช้พลังน้อย เช่น การดู TV internet  ทั้งนี้ต้องเป็นลักษณะของการเสริมแรงทางบวก  การมีกิจกรรมร่วมกันในด้านกีฬา โดยชวนกันออกกำลังทั้งครอบครัว การออกกำลังนอกจากช่วยลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการเติบโตใหม่ของเซลล์สมองซึ่งจะทำให้จิตใจสดชื่นด้วย
โรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้เป็นสภาวะที่ร่างกายมีความไวต่อสารหรือสภาวะบางอย่างมาก ซึ่งร่างกายคิดว่าเป็นสิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจึงทำงานอย่างเต็มที่ 
โดยทั่วไป อาการภูมิแพ้ที่พบบ่อยแสดงออก 3 ลักษณะ คือทางผิวหนัง ทางเดินหายใจส่วนบน(จมูก) ระบบหายใจ(ปอด)  โดยทางผิวหนังจะมีอาการผื่นแพ้เฉพาะจุดหรือทั่วทั้งร่างกาย ทางจมูกมีการค้ดแน่นหายใจไม่สะดวก มีน้ำมูก สารคัดหลั่ง  ระบบหายใจเป็นเรื่องหอบหืด
การป้องกัน
 การป้องกันที่สำคัญที่สุดคือ การเลี่ยงสิ่งที่แพ้ หากเลี่ยงสิ่งที่แพ้ได้ในระยะเวลานานอาการภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นจะห่างไปและเกิดอาการน้อย การจัดสภาพอากาศให้ดี ปลอดโปร่ง จะช่วยลดและบรรเทาอาการได้         
 โรคผิวหนัง
ในวัยรุ่น เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการดำเนินกิจกรรมมาก เช่น กีฬา ออกกำลังกาย ซึ่งหากไม่รักษาความสะอาดและสุขอนามัยของร่างกาย อาจก่อให้เกิดโรคผิวหนัง เช่น ผื่นจากเชื้อรา ผิวหนังอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เมื่อเกิดอาการควรให้ผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณา ไม่ควรหายามาทาหรือรักษาเอง  โรคผิวหนังบางประเภทหากใช้ยาไม่ถูกต้องอาจเกิดอาการกลับเป็นซ้ำหรือลุกลามมากขึ้น 

ปัญหาสุขภาพวัยผู้ใหญ่

วัยผู้ใหญ่
วัยผู้ใหญ่เริ่มตั้งแต่สิ้นสุดวัยรุ่นเมื่ออายุประมาณ 20-25 ปี หรืออาจเร็วกว่านั้น หากวัยรุ่นแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยก็ก้าวเข้าสู้ความเป็นผู้ใหญ่เลย วัยผู้ใหญ่คือวัยที่รับผิดชอบการดำเนินชีวิตของตน โดยนำประสบการณ์ต่าง ๆที่ได้สะสมมาตั้งแต่วัยเด็กมาใช้ในการปรับตัวและแก้ปัญหาชีวิต ผู้ที่ปรับตัวได้ดีในวัยผู้ใหญ่ คือ ผู้ที่ได้ผ่านพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัยต่าง ๆมาตั้งแต่เด็กจนวัยรุ่น มีวุฒิภาวะ คือ ความสมบูรณ์ของร่างกาย อารมณ์ และสติปัญญา สามารถเผชิญชีวิตและอุปสรรค์ต่าง ๆ ทั้งยามปกติและยามคับขัน มีความรับผิดชอบ กระทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยเหตุผลตามทำนองคลองธรรม
วัยผู้ใหญ่แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ
1.วัยผู้ใหญ่ตอนต้นหรือวัยหนุ่มสาว อายุ 20-25 ปีถึง 40 ปี วัยนี้มีพัฒนาการเต็มที่ของร่างกาย วุฒิภาวะทางจิตใจอารมณ์ พร้อมที่จะมีบทบาทที่จะเลือกแนวทางในการดำเนินชีวิตของตนในเรื่องอาชีพ คู่ครอง และความสัมพันธ์กับบุคคลต่าง ๆ อย่างมีความหมาย
2.วัยผู้ใหญ่ตอนกลางหรือวัยกลางคน อายุ 40 ปีถึง 60-65 ปี เป็นวัยที่ได้ผ่านชีวิตครอบครัวและชีวิตการงานมาระยะหนึ่ง มีความมั่นคงและความสำเร็จในชีวิต
3.วัยผู้ใหญ่ตอนปลายหรือวัยสูงอายุ อายุ 60-65 ปีขึ้นไป เป็นวัยของความเสื่อมถอยของร่างกาย สภาพจิตใจ และบทบาททางสังคม การปรับตัวต่อความเสื่อมถอยและการเผชิญชีวิตในบั้นปลายเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตของวัยนี้

การเปลี่ยนแปลงพัฒนาการด้านร่างกาย
                                  ระบบย่อยอาหารก็ทำงานลดลง การหลั่งน้ำย่อยและความต้องการพลังงานลดลง หากยังรับประทานอาหารเช่นเดิมจะมีผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเกิดภาวะอ้วนเกิน (obesity)
                                 ระบบผิวหนังมีความยืดหยุ่นน้อยลง เริ่มมีรอยย่น โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า คอ และมือ ผมจะเริ่มร่วงและเจริญเติบโตช้า
                                       สีผมจะเริ่มหงอกขาวเห็นชัดเจนเมื่ออายุ 50 ปีทั้งเพศชายและหญิง เนื่องจากสารเมลานิน (melanin) ที่สร้างจากรากผมมีจำนวนลดลง
                                      ฟันจะหักและร่วงหลุด กระดูกเริ่มเปราะบางและหักง่ายเนื่องจากการสร้างกระดูกเกิดขึ้นน้อย
                                        อวัยวะที่ทำหน้า ที่รับรู้และสัมผัส จะมีความเสื่อมเกิดขึ้น เช่น ตา เปลือกตาจะเหี่ยวย่น ดวงตาไม่สดใสเริ่มฝ้าฟาง เพราะเยื่อบุลูกตาและท่อน้ำตาเหี่ยว ทำให้ขาดน้ำเลี้ยงลูกตากล้ามเนื้อควบคุมรูปของดวงตาจะขาดความกระชับลงเป็นลำดับ มีการเปลี่ยนแปลงที่แก้วตา แก้วตาไม่สามารถจะยืดหดตัวได้เหมือนก่อนๆ จึงไม่สามารถมองเห็นในระยะใกล้ได้ชัดเจน ส่วนใหญ่จะสายตายาว หลังอายุ 40 ปี จะมองไม่ชัดในที่มืดเนื่องจากมีการลดขนาดของรูม่านตา จะมีปัญหาในการอ่านหนังสือและการขับรถในตอนกลางคืน อวัยวะเกี่ยวกับการได้ยิน คือ หู จะมีความเสื่อมของเซลล์ทำให้การทำงานของหูผิดปกติ การได้ยินเสียงแหลมจะเสียก่อน การได้กลิ่นจะเสื่อมลง

ปัญหาที่พบในวัยผู้ใหญ่

1.ปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพวัยผู้ใหญ่ด้านร่างกาย
          ปัญหาการมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม การรับประทานอาหารไม่เหมาะสม การขาดการออกกำลังกาย
การพักผ่อนไม่เพียงพอ
          ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการประกอบอาชีพ
โรคที่เกิดจากสิ่งคุกคามสุขภาพทางกายภาพ เช่น ความร้อน ความเย็น แสง เสียง การสั่นสะเทือน
โรคที่เกิดจากสิ่งคุกคามสุขภาพทางชีวภาพ เช่น โรคแอนแทรกซ์ โรคปอดชานอ้อย
โรคที่เกิดจากสิ่งคุกคามสุขภาพทางเคมี เช่น พิษจากตะกั่ว ปรอท แคดเมียม
ฝุ่นแร่ใยหิน ฝุ่นซิลิกา เบนซีน
2.ปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพวัยผู้ใหญ่ด้านจิตใจ
          วิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เสื่อมลง
          วิตกกังวลเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ
          มีภาวะเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจในครอบครัว
          วิตกกังวลเกี่ยวกับชีวิตสมรส
          ปัญหาเกี่ยวกับปัญหาของบุตร
3.ปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพวัยผู้ใหญ่ด้านสังคม
          ปัญหาการปรับตัวในการประกอบอาชีพ
          ปัญหาเรื่องการเลือกคู่ครอง
          ปัญหาชีวิตสมรส
          ปัญหาการปรับตัวให้เข้ากับบทบาทใหม่
          ปัญหาสัมพันธภาพกับเพื่อนใหม่
4.ปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพวัยผู้ใหญ่ด้านจิตวิญญาณ
          มีความกดดันเนื่องจากไม่สามารถแสดงศักยภาพด้านสติปัญญาได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากขาดโอกาสในสังคมและที่ทำงานขาดการยอมรับ
          ขาดที่พึ่งทางจิตวิญญาณเนื่องจากไม่สามารถจัดสรรเวลาไปปฏิบัติศาสนกิจได้
5.อุบัติเหตุ 

โรคต่างๆในวัยผู้ใหญ่
- โรคติดเชื้อ วัยผู้ใหญ่มีโอกาสป่วยจากโรคติดเชื้อได้สูงพอๆ กับวัยอื่น โรคติดเชื้อที่สำคัญ ซึ่งพบเป็นอัตราตายรองลงมาจากอุบัติภัยคือไข้มาลาเรีย (กองสถิติสาธารณสุข 2531 : 187) ส่วน โรคติดเชื้ออื่น เช่น โรคปอดอักเสบ โรคติดเชื้อลำไส้ พบอัตราตายน้อยกว่ากลุ่มอายุอื่น แต่เป็นโรคติดเชื้อที่มีอัตราป่วยสูง โรคติดเชื้อที่น่าจะให้ความสำคัญในวัยนี้คือ โรคติดเชื้อของอวัยวะสืบพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อที่ตา
นอกจากโรคติดเชื้อดังกล่าวแล้ว โรคเอดส์นับเป็นโรคติดเชื้อที่มีความสำคัญมากในวัยผู้ใหญ่ จากการรวบรวมข้อมูลของกองระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ผลปรากฏว่า กลุ่มอายุที่มีการติดเชื้อเอดส์สูงสุดคือ กลุ่มอายุ 20-34 ปี เนื่องจากอยู่ในวัยเจริญพันธุ์
-โรคไร้เชื้อ มีโรคไร้เชื้อเป็นจำนวนมากที่เกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ โรคเหล่านี้กระจายอยู่ในระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น โรคของระบบประสาท เนื้องอกในสมอง ลมชัก โรคของตา เช่น ต้อหิน เลือดออกในช่องหน้าลูกตา จอตาหลุด โรคของหู เช่น หูชั้นกลางอักเสบ แก้วหูทะลุ โรคของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ไตพิการ ไตหย่อน นิ่ว โรคของระบบหัวใจ และหลอดเลือด ได้แก่ ลิ้นหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว หลอดเลือดดำอุดตันหลอดเลือดดำโป่งพอง โรคเลือด เช่น โลหิตจาง มะเร็งเม็ดเลือดขาว เนื้องอกของต่อมน้ำเหลือง โรคของต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ เบาหวาน โรคอวัยวะสืบพันธุ์สตรี เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก ครรภ์ ไข่ปลาอุก การแท้งบุตร กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน และโรคมะเร็งของอวัยวะต่างๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

ปัญหาสุขภาพวัยผู้สูงอายุ

ปัญหาที่สุขภาพทั่วไปของผู้สูงอายุ
1. กระดูกหักง่าย เนื่องจากความเสื่อมของกระดูก กระดูกบางที่พบบ่อยคือ กระดูกสะโพก ต้นขา ข้อมือ และกระดูกสันหลัง
       การแก้ไข โดยดื่มนม กินปลาเล็กปลาน้อยอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรดื่มสุราเพราะทำให้สูญเสียแคลเซียมในกระดูกมาก ทำให้กระดูกผุ เปราะ เสื่อมเร็ว
2. สายตาไม่ดี เกิดจากเลนส์ตาแข็งตัว ยืดหยุ่นไม่ดี การปรับภาพจะน้อยลง จึงเห็นภาพไม่ชัด
       การแก้ไข โดยสวมแว่นที่เป็นเลนส์นูน     
3. หูตึง เกิดจากระบบประสาทเสื่อมถอย ประสาทการได้ยินของหูเสื่อม
       การแก้ไข ควรพบแพทย์
4. ฟันไม่ดี ฟันลดลง ปากแห้ง การได้กลิ่นและรับรสเสีย ทำให้กินอาหารไม่ได้ กินช้าลง กินได้น้อย
       การแก้ไข ควรปรึกษาทันตแพทย์ และต้องเลือกอาหารที่เคี้ยวง่าย
5. เป็นลมบ่อย เกิดจากการปรับตัวของความดันเลือดไม่ดีขณะเปลี่ยนท่าทาง ความดันเลือดจะลดลงอย่างรวดเร็ว
       การแก้ไข นอนหมอนสูงเล็กน้อย ค่อยๆ ลุก เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
6. เรอบ่อย จากท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย เนื่อง จากการบีบตัวของหลอดอาหารลดลง น้ำย่อยออกน้อย เกิดลมในกระเพาะ
7. ท้องผูก เกิดจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อลำไส้ การเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง ทำให้กากอาหารเคลื่อนตัวมาสู่ลำไส้ส่วนล่างช้า
       การแก้ไข รับประทานอาหารย่อยง่าย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
8. อาจเป็นเบาหวาน เพราะเนื้อเยื่อของร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินที่ออกมาจากตับอ่อนได้เพียงพอ ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
       การแก้ไข ควบคุมอาหารหวานจัด
9. หูรูดเสื่อม ท่อปัสสาวะเสื่อมในผู้ชายจากต่อมลูกหมากโต ผู้หญิงจะมีมดลูกหย่อน ดึงกระเพาะปัสสาวะลงมา ทำให้ปัสสาวะบ่อย
       การแก้ไข กรณีเป็นมากอาจต้องพบแพทย์
10. หลงลืมบ่อย เนื่องจากเซลล์สมองเสื่อม เซลล์สมอง ลดลงมีการตายของเซลล์ และไม่เกิดใหม่
       การแก้ไข ควรรวมกลุ่มวัยเดียวกันมีกิจกรรมร่วมกัน ไม่แยกตัว ทำงานที่เป็นประโยชน์สังคม จะช่วยให้ความจำดีขึ้น
11. หัวใจและหลอดเลือด เกิดภาวะหลอดเลือดเสื่อม หลอดเลือดแข็งตัว โดยเฉพาะหลอดเลือดเล็กๆ ที่เลี้ยงไต สมอง หัวใจ หัวใจต้องทำงานหนักจึงเหนื่อยง่าย
       การแก้ไข กินอาหารที่เหมาะสมให้ครบ 5 หมู่ ควรระวังอย่าให้อ้วนเกินไป หลีกเลี่ยงอาหารไขมันจากสัตว์และกะทิ อาหารรสหวานจัด ควรกินข้าวกล้อง ปลา จะย่อยง่าย ผัก ผลไม้ ถั่ว
12. ปัญหาอารมณ์ เกลียด เครียด กังวล โกรธ มีผลต่อร่างกาย ขณะมีอารมณ์ดังกล่าว ต่อมหมวกไตจะหลั่งฮอร์โมนออกมาทำให้มีอาการใจสั่น น้ำตาลสูงขึ้น และทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารลำไส้
       การแก้ไข ผู้ใกล้ชิด ลูกหลาน ควรให้ความรักความเข้าใจ เอาใจใส่ดูแลให้ความเคารพนับถือ จะช่วยให้ปัญหาทางอารมณ์ในผู้สูงอายุลดลง


การปฏิบัติตัวเพื่อเตรียมตัวเป็นผู้สูงอายุ
1. ดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และย่อยง่ายให้เพียงพอ ครบ 5 หมู่ ละเว้นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และอบายมุข เช่น เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด เที่ยวกลางคืน เป็นต้น ออกกำลังกายให้พอเหมาะ ไม่ให้เหนื่อยเกินไป ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง พักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 6-8 ชั่วโมง


2. ด้านจิตใจและสังคม รักษาจิตใจให้สบาย มีหลักยึดมั่นในศาสนา พบปะสังสรรค์กับผู้อื่นตามความเหมาะสม และทำงานเพื่อประโยชน์ของตนเองและสังคมที่ไม่หนักเกินไป เช่น การไปฟังธรรม การเข้าสมาคมบำเพ็ญประโยชน์ เป็นต้น 

มีความสุขในครอบครัว ความรักในผู้สูงอายุมิได้หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างเดียว แต่หมายถึงการมีคู่ไว้ช่วยคิด ปรึกษาหารือ ปรับทุกข์ ซึ่งกันและกัน แต่ในบางคู่อาจมีเพศสัมพันธ์ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ และถ้าอยู่ในขอบเขตเป็นที่ยอมรับของสังคมจะเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้ชะลอความแก่ได้เหมือนกัน


(ที่มา: หนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 114 พฤษภาคม 2553 โดย งานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี)